EEC อภิมหาโปรเจค 1.5 ล้านล้านบาท กับ สิทธิพิเศษ..เหนือเทวดา(ตอนที่ 3)

35

ผู้บริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล เขามีมุมมองเรื่อง EEC แตกต่างออกไปว่ามันควรจะส่งเสริม ให้สิทธิพิเศษ กับนักธุรกิจที่สนใจจะลงทุนในพื้นที่ยังไม่มีความเจริญของประเทศให้เท่าเทียมกัน ยอมรับว่า..บางส่วนของกฎหมาย สำหรับนักธุรกิจมันดีมาก ๆ เพราะกำหนดเวลาชัดเจน แต่ทำไม..ไปทำแค่ 3  จังหวัด ไม่ไปทำให้ทั่วประเทศ

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดถึงโครงการ พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก( อีอีซี ) โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่พัฒนา บ้านเมือง เป็นสิ่งที่เชื้อเชิญให้ทุน ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศเข้ามา แต่กฎเกณฑ์ของ อีอีซี ทำไม ทำได้แค่ในนั้น เช่น ยกเว้นภาษี 15 ปี เงินได้นิติบุคคล กลับมองว่าถ้าวันนี้ใครจะไปลงทุนในจังหวัดที่ยิ่งไม่พัฒนาเลย

“หากผมมีที่ดิน ที่ จ.ลำพูน 5 พันไร่ ผมจะไปสร้างโรงงาน แทนที่จะไป EEC ผมจะไปลำพูน ผมควรจะได้สิทธิประโยชน์ 15 ปี ด้วย เพราะอย่างน้อย ๆ ในบริบทของมันคือพัฒนาเป็นจังหวัดที่เจริญแล้ว เพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อให้ชี้ชวนนักลงทุนมากขึ้น “

นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้กับ EEC แล้ว ควรจะให้กับทุกฝ่าย เช่น การส่งเสริมการลงทุน จะยกเว้นกี่ปีก็แล้วแต่ มันควรจะให้ทุกคน โดยเฉพาะตังหวัดที่ห่างไกลความเจริญ ไปให้ เราเอาไปจ้างงานให้กับคนในนั้น

“การอนุมัติต่าง ๆ เช่น  ใบ รง.4  หรืออนุมัติก่อสร้าง การดำเนินกิจการ อะไรต่าง ๆ ในอีอีซี กำหนดว่า ต้องให้เสร็จไประยะ 120 วัน แต่หากจะไปสร้างโรงงานที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ ซึ่ง แน่นอนยังไม่เจริญเท่ากับ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา  ผมต้องรอ 8-9 เดือนหรือ เท่าไหร่ ในเมื่อ  3 จังหวัด อยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน แต่ส่วนนี้บอกว่าอนุมัติเสร็จภายใน 120 วัน ทุกอย่าง  นอก 3  จังหวัดนี้ ถ้าจะไปตั้งโรงงานน้ำปลา โรงงานอ้อย โรงสีข้าว  โรงงาน ผู้ทำธุรกิจ OEM  ที่จ.ศรีสะเกษ ควรจะได้ไหม 120 วัน ใบ รง.4 ตอนนี้ถือว่าเร็ว แต่ อีไอเอ ปกติ 120 วันไม่เคยผ่าน ถ้าวันนี้ผมบ้าจะสร้างตึก 60 ชั้น ผมจะต้องรอ 8 เดือนไม่รู้จะได้หรือเปล่า แต่ในอีอีซี.ทำได้ 120 วัน ตรงนี้ทำไมไม่ทำทั่วประเทศ”

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกเองว่า นำร่องก่อน  ถ้าดีจะมาทำทั่วประเทศ แต่..บางอย่างมันไม่ต้องนำร่องไง เช่นการอนุมัติต่าง ๆ เรื่องของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ บีโอไอ ถ้าไปทำนี่  นอกเขต กทม. ที่เขากาเป็นสีไว้ ประกอบอุตสาหกรรมได้ ลงทุนได้ มันก็ได้แค่ 8 ปี ในเมื่อจะให้ 15 ปี ก็ให้ทั้งประเทศเลย ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ไม่ได้พูดว่า EEC ไม่ดีแม้แต่คำเดียว

“มันมีความเหลื่อมล้ำกันนิดหนึ่ง ผมอ่านกฎหมายนี้ครับ เขาเขียนว่า เนื่องจากมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ความเจริญต่าง ๆ ในระดับหนึ่งแล้วใน 3 จังหวัดนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ ชักชวนให้นักลงทุนมาลง ในเรื่องของอุตสาหกรรม 4.0 จึงกำหนดให้มีเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ  ผมคิดว่าเป็นบริบทที่ดี แต่มันควรจะ ประยุกต์ใช้ ถ้าเผื่อผู้ตัดสินใจจะลงทุนเขาตัดสินใจไปลงทุนใน จังหวัดที่เจริญสู้ 3  จังหวัดนี้ไม่ได้ ถ้าว่าตามบัญญัติไตรยางศ์แล้ว เขาควรจะได้รับการดูแลที่เอื้อประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำ  ผมก็คิด แค่นี้เอง วันนี้ไม่มีใครลงทุนอยู่แล้วโดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีใครคิดลงทุนเราควรจะต้องรีบส่งเสริมให้เขาไป”

นายอนุทิน บอกว่า เคยเป็นผู้ประกอบการมาก่อน ทราบประสบการณ์การมานั่งรอ การมาอะไรต่าง ๆ จากหน่วยงานของรัฐ โดยคนที่อนุมัติไม่รู้เรื่อง เลยว่าจะทำอะไร ไม่รู้เรื่องเลยว่าจะไปรับภาระสัญญาอะไรกับลูกค้าของเรามา  การรอ นี่มันทำให้เราอาจจะผัดนัดการส่งสินค้า แทนที่จะได้เงินเข้ามากลับต้องเสียค่าปรับให้เขาอีก  การรอ..อาจจะทำให้เทรนของสินค้าที่เราจะผลิตหลุดหายไป ต้นทุนที่เราวางไว้อาจจะต้องเพิ่มขึ้น จ้างคนก่อนก็จะเสียเงินก่อน 

“นี่ไงคือจุดดีของ EEC ไง ผมรู้ว่าหากผมส่งเรื่องไป อีก 120 วันต้องได้แน่  ๆ  รู้กำหนดขอบเขต ถ้าดูแล้วดี ผมเริ่มจ้างคนแล้ว ถ้าไม่มีกฎหมาย EEC มาเป็นตัวอย่าง วันนี้จะทำอะไรก็ไม่รู้จะออกมาเมื่อไหร่ ต้องไปตามทุกวัน ผมอยากให้มีระบบเช็คลิสต์ คนลงทุนเป็นพันล้านหมื่นล้านไม่มีใครมาโกงรัฐขี้ประติ๋ว แค่นี้หรอก ขีดมาเลย คุณมีเงินทุนแล้วใช่ไหม คุณมีวิศวกรที่รับรองแบบแล้วใช่ไหม คุณใช้เครื่องจักร สภาพมลพิษ สุขาภิบาล เป็นอย่างไร ส่งข้อมูลมา แล้วไปทำ  แล้วรัฐก็ไล่ตรวจเช็ค ถ้าใครลดสเปค คนนั้นก็ต้องรู้ว่านรกมีจริง ถ้าผมมีโอกาส ผมทำแค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรแทนผู้ลงทุน   เพราะผมไม่ได้เป็นผู้รับความเสี่ยง”นายอนุทิน เสนอแนะเรื่องกฎหมายที่เป็นอุปสรรค์ในการทำธุรกิจ ที่ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า”

EEC อภิมหาโปรเจค 1.5 ล้านล้านบาท กับ สิทธิพิเศษ..เหนือเทวดา(ตอนที่ 1)

EEC อภิมหาโปรเจค 1.5 ล้านล้านบาท กับ สิทธิพิเศษ..เหนือเทวดา(ตอนที่ 2)