“ภูมิธรรม” ปัด เพื่อชาติ นอมินี “เพื่อไทย” ชี้ การแตกสาขาเป็นเรื่องปกติ ของพรรคการเมือง ที่จำเป็นต้อง ดิ้นรน ภายใต้รธน. ที่มีจุดมุ่งหมาย บีบพรรคให้อ่อนแอ ยัน “เพื่อไทย” ไร้พฤติกรรมเข้าข่าย ถูกยุบพรรค ลั่นหากถูกแกล้งอีก ปชช. จะตัดสินผ่านโหวตโน กระทบผลเลือกตั้งแน่
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อชาติ และกระแสวิจารณ์ว่าเป็นพรรคนอมินี หรือ เป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนมองว่าพรรคการเมืองต้องแสดงบทบาทตามแนวคิดและแนวทางของตนเอง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันออกแบบให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และผลเลือกตั้งไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเพียงพรรคการเมืองเดียวซึ่งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตนเชื่อว่าจะเป็นการต่อสู้ของ 2 ฝ่าย คือ พรรคการเมืองที่ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง กับพรรคที่สนับสนนุนให้ระบบเผด็จการยังคงอยู่ต่อไปดังนั้นการเกิดขึ้นของพรรคเพื่อชาติตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกระแสที่ว่า พรรคเพื่อไทยอาจถูกตรวจสอบและถึงขั้นลงโทษด้วยการยุบพรรคการเมือง ว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าปฏิบัติตามกติกาและกฎหมาย แม้กติกาหรือกฎหมายนั้นจะไม่มีความชอบธรรมก็ตาม และพรรคพร้อมยอมรับกับทุกกระแสกดดัน เดินไปสู่การเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าพรรคไม่มีประเด็นหรือสร้างปัญหาใดที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้
“พรรคเพื่อไทยเคยต่อสู้ และผ่านวิกฤตใหญ่ มาถึง 2 รอบดังนั้นครั้งนี้จึงไม่มีความกังวล อีกทั้ง ผมมั่นใจว่าพรรคไม่ทำพฤติกรรมใดที่เข้าข่าย ทำเรื่องไม่ถูกต้อง จนนำไปสู่การยุบพรรคได้ แต่หากในอนาคตมีกระบวนการยุบพรรคเพื่อไทยโดยปราศจากพื้นฐานและมีความไม่ชอบธรรม เชื่อว่าประชาชนจะตัดสิน ผ่านการออกเสียงโหวตโน หรือ กาคะแนนไม่ประสงค์จะเลือกผู้ใด และหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นมากกว่าคะแนนจะเลือกผู้สมัครส.ส. จะทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.มีปัญหาได้” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการร่วมแถลงการณ์กับเครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและมีผลในทางปฏิบัติ ที่เรียกร้องรัฐบาลยึดมั่นแนวทางของการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมว่า เป็นสิ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่จะสะท้อนทางออกของประเทศ และเมื่อมีเครือข่ายที่เป็นกลางเริ่มต้น และเป็นประโยชน์ทางพรรคจึงเข้าร่วม
ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงวันครบรอบ 45 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ด้วยว่า วัฎจักรการเมืองไทยกับประชาธิปไตยรอบ 45 ปีที่ผ่านมาพบว่ายังไม่หลุดพ้นจากปัญหา เพราะเมื่อกระบวนการประชาธิปไตยเริ่มต้น การรัฐประหารก็เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามตนมองว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516ที่เป็นการต่อสู้ของคนรุ่นหนุ่มสาว สะท้อนจิตวิญญาณ ถึงการมีความหวังว่าประเทศจะนำไปสู่ประชาธิปไตยและมีความยุติธรรม และแม้เหตุการณ์จะผ่านไป ตนเชื่อว่าคนยุคนั้นทิ้งมรดกไว้ให้คนรุ่นต่อไป ผ่านความกล้าฝันที่อยากจะเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและยุติธรรม รวมถึงกล้าลงมือทำ.