กำหนดวันเลือกตั้งยังไม่คลอดออกมาอย่างเป็นทางการ คสช. ยังไม่ปลดล็อกแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ แต่การเมืองบ้านเราก็เริ่มเข้าสู่โหมด การช่วงชิงคะแนนนิยมอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพราะบรรดานักเลือกตั้งคงรู้ว่า ยิ่งช้ายิ่งไม่เป็นคุณกับตนเอง
โดยเฉพาะแผนการจัดทัพของแชมป์เก่า “เพื่อไทย” ที่มี “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และผู้ต้องหลบหนีคดีตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีสถานะผู้ต้องหนีคดี คอยชี้นำการขับเคลื่อนขับพรรคอยู่ ซึ่งประกาศเดินหน้าชนกับ “ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ” นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. อย่างเต็มรูปแบบ ดูได้จากการแตกพรรคสาขา หวังกวาดคะแนนเสียงทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ
ไล่ตั้งแต่พรรคหลักอย่าง “เพื่อไทย” ซึ่งเป็นพรรคหลัก มี “ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ ” รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพรรค มีบุคคลที่นายทักษิณไว้วางใจอย่าง “ นายภูมิธรรม เวชชยัย ” เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งแนวโน้มคงสนับสนุน “ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ”ชิงเก้าอี้ผู้นำรัฐบาล
จากนั้นชื่อ“เพื่อธรรม “ ก็โผล่ขึ้นมา โดยพรรคการเมืองนี้มี “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย รับหน้าที่หัวหน้าพรรค ตามข่าววงในพรรคการเมืองนี้ มีเจ๊แดง “นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ”น้องสาวนายทักษิณเป็นคนถือหางเสืออยู่ และเตรียมนำเสนอชื่อ “ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “ ชิงเก้าอี้นายกฯ ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครพรรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอดีต ส.ส.ในปีกของ “เจ๊แดง” ซึ่งมีอยู่จำนวนมากภายในพรรค
อย่างไรก็ตามมีข่าวลึกข่าวร้อน ระบุด้วยว่า นอกจากการจัดตั้งพรรคเพื่อธรรม เป็นแผนการสะสมคะแนนเสียง จาการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีทั้งส.ส. ระบบเขต และบัญชีรายชื่อ ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “ระบบจัดสรรปันส่วน ” แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคือ เจ๊แดงไม่พอใจ “นายหญิง “ แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ออกมาสนับสนันคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะต้องการกีดกันตนเองและสามี ไม่ให้เข้าไปมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยอีก
อย่าลืมว่า มีข่าวเป็นระยะว่า นางเยาวภาต้องการผลักดัน ให้ “ นายสมชาย “ เข้มารับตำแหน่งนายกฯภายหลังการเลือกตั้ง แม้ว่าจะได้เคยทำหน้าที่ผู้นำประเทศมาแล้ว แต่ก็อยู่ตำแหน่งได้ไม่กี่วัน เนื่องจากถูกม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คอยต่อต้าน มิหน้ำซ้ำ “ทำเนียบรัฐบาล “ ก็ยังไม่เคยเข้าไปนั่งทำงานได้ซักวันเดียว เจ๊แดงจึงหวังให้คนใกล้ชิดด ได้มีโอกาสแก้มือในฐานะหัวหน้ารัฐบาลอีกซักครั้ง แม้พยายามปล่อยข่าวผ่านสื่อหลายครั้ง ทำนองว่านางเยาวภาวางมือทางการเมืองไปแล้ว
ดังนั้นแม้ “ เพื่อไทย “ และ “ เพื่อธรรม “ จะดูเหมือนเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันในที แต่ถ้าไล่ความเคลื่อนไหวลึกๆแล้ว ก็แปรียบเสมือนเป็นการสงครามคนกันเอง ที่ต้องการแย่งชิงการนำทางการเมือง ระหว่างตระกูล “ชินวัตร “ กับ “วงศ์สวัสดิ์ “ แม้ว่า เจ๊แดงจะบอบช้ำจากปัญหาที่เกิดขึ้นจาก “โครงการรับจำนำข้าว”ก็ตาม
ส่วนความเคลื่อนไหวของ“นายยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยถูกใบแดงครั้งยุบพรรคพลังประชาชน ก็ออกมาเปิดหน้าสนับสนุน “ พรรคเพื่อชาติ ” เพื่อรองรับบรรดาแกนนำนปช. และคนเสื้อแดง โดยยมี “สงคราม เลิศกิจไพโรจน์” เจ้าของศูนย์การค้าดังย่านลาดพร้าวเป็น “นายทุน”ให้นั้น
ที่ผ่านมาใครก็ทราบว่า “ นายยงยุทธ” มีปัญหาขัดแย้งกับ “นางเยาวภา “มาโดยตลอด เพราะน้องสาวนายทักษิณ ไม่ยอมให้นายยงยุทธ เข้ามาบทบาทในการดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน แม้ว่าอดีตประธานสภาฯจะเคยเป็นส.ส. จังหวัดเชียงราย ก็เลยทำให้สองผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมือง มีปัญหาขัดแย้งกันมาตลอด จนในที่สุด “นายยงยุทธ” ก็แยกตัวออกมาสนับสนุนพรรคเพื่อชาติ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้กับตนเอง
นอกจากนี้ยังมีพรรค “ประชาชาติ” ของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แกนนำกลุ่มวาดะห์ ที่ตั้งเป้าจะกวาด ส.ส.ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงพรรคที่ถูกมองว่าเป็น เนื้อเดียวกันกับ “ เพื่อไทย “ ไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ของ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และพรรคเสรีรวมไทยของ “วีรบุรุษนาแก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร. ผบ.ตร.
อย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับ “นายมีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งนี้มีการถอดบทเรียนในอดีตหวังสกัดการเมืองผูกขาดแบบเดิมๆ โดยเฉพาะการสร้าง “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” ถ้าคะแนนเฉลี่ยให้พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถมี ส.ส.เขต มามีโอกาสได้ที่นั่งในสภาฯ
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนรูปแบบการลงคะแนนมาเป็น “บัตรใบเดียว” ซึ่งส่งผลทำให้พรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” ซึ่งได้คะแนนเสียงเกิน 200 มาตลอด ได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะยิ่งคะแนน ส.ส.เขต ได้มากเท่าไร คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ตัวเองจะหายไปจำนวนมาก จึงทำโอกาสที่ “เพื่อไทย” จะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวค่อนข้างยาก จึงทำให้หลายคนวิจารณ์ว่า รัฐธรรมนูญถูกออกแบบมา เพื่อมุ่งสกัดขั้วอำนาจเก่า โดยผ่านกติกาในรัฐธรรมนูญ
แต่การกำหนดยุทธศาตร์ทางการเมืองของ “นายทักษิณ “ กับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในต้นปี 62 ก็ไม่แน่ใจว่า จะทำให้มีแต้มบวกทางการเมืองหรือไม่ เพราะการแตกสาขาพรรค กลับถูกมองว่า ต้องการสร้างรูปแบบฮั้วกันทางการเมือง แถมยังเปิดแผลทางใจระหว่าง “ นายหญิง “ แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า กับน้องสาวของนายทักษิณ ที่มักมีชื่อเข้าไปอยู่ในเรื่องลบๆทางการเมืองหลายครั้ง
บางทีผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น อาจช่วยคลายปมความขัดแย้งให้ “นายทักษิณ “ หรืออาจเพิ่มความยุ่งยาก จนทำให้ หนทางการทวงคืนอำนาจรัฐ ยิ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
“ เมืองสมุทร ”