การเลือกหัวหน้าประชาธิปัตย์ แม้ทั้ง ‘อภิสิทธิ์-หมอวรงค์-อลงกรณ์’ ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้ง แต่ในระดับล่าง ได้เกิดรอยร้าวหลายแห่งบนผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว
พรรคประชาธิปัตย์ ได้เกิดรอยปริร้าวขึ้นมาหลายครั้ง อาทิ การแยกตัวออกไปของนายอุทัย พิมพ์ใจชน หลังการเลือกหัวหน้าพรรค การแบกตัวของสมัคร สนุทรเวช การเกิดกลุ่ม 10 มกรา การแยกตัวไปของ เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และล่าสุด การแยกตัวออกไปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผู้สมัคร 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และนายอลงกรณ์ พลบุตร แม้ทั้ง 3 คน จะออกมายืนยันว่า ไม่ว่าผลแพ้ชนะออกมาอย่างไร ไม่มีปัญหาเรื่องพรรคแตกแน่นอน ทุกคนยังยึดมั่นอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็มีสัญญาณให้เห็นกรณีการหยั่งเสียงของสมาชิกพรรค ผ่านแอพพลิเคชั่น ที่มีปัยหา จนเกิดคำถามจากฝ่ายนพ.วรงค์ ว่า จะเกิดความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นหรือไม่ เพระมองว่า ฝ่ายที่จัดการเรื่องแอพ เป็นสายของนายอภิสิทธิ์
จุดนี้ เป็นเพียงสัญญาณ แต่ที่เป็นรอยร้าวชัดเจนในหลายจุด มาจากผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่าย อย่างกรณีของ ‘ชุมพร’ มีการออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนของอดีต ส.ส.บางคนว่า หากฝ่ายหนึ่งชนะ ผู้ที่สนับสนุนอีกฝ่ายจะถูกขจัดออกจาก ‘การลงสมัครส.ส.’
ซึ่งชุมพร เป็นเพียงส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีความขัดแย้งกันสูง ในจ.สงขลา ซึ่งเป็นฐานะสำคัญในภาคใต้ของฝ่ายที่เป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนน.พ.วรงค์ กับสายเดิม ก็เกิดปัญหาขัดแย้งกันว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งชนะอีกฝ่ายหนึ่งก็จะต้องพ้นจากเส้นทางจากประชาธิปัตย์
การเลือกตั้ง หัวหน้าประชาธิปัตย์คราวนี้ มีเดิมพันจึงค่อนข้างสูง ไม่เพียงการเลือกตัวหัวหน้าพรรค แต่การได้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นการเลือกจุดยืนของพรรคหลังการเลือกตั้ง ที่สำคัญส่งผลถึงองคาพยพในการคัดสรร ผู้จะลงสมัคร ส.ส.ด้วย
ต้องจับตาอย่ากระพริบ!
